18-21 มิถุนายน 2568

รู้จักเทคฯ เคลือบ PVD เครื่องประดับและนาฬิกาหรู ตอบโจทย์ความสวยงามและความทนทาน

 

• การเคลือบ PVD เป็นเทคนิคยอดนิยมที่ใช้ในอุตสาหกรรมนาฬิกาสุดหรูเพื่อสร้างสีและการตกแต่งที่หลากหลายบนส่วนประกอบของเครื่องประดับและนาฬิกาหรู

• กระบวนการเคลือบภายใต้สภาวะสุญญากาศนี้เกี่ยวข้องกับการเคลือบวัสดุบางๆ เช่น โครเมียม ไทเทเนียม หรือทอง ลงบนพื้นผิวของส่วนประกอบเครื่องประดับและนาฬิกาหรู

• ข้อดีของการเคลือบ PVD คือ ความสามารถในการผลิตสีได้หลากหลาย ความทนทาน รวมถึงความต้านทานต่อการกัดกร่อนและรอยขีดข่วน

 

 

การเคลือบ PVD (Physical Vapour Deposition) ได้ปฏิวัติโลกแห่งนาฬิกาสุดหรู โดยมอบความเป็นไปได้มากมายให้กับทั้งนักออกแบบ ช่างฝีมือ รวมถึงผู้ชื่นชอบนาฬิกาและนักสะสม เทคโนโลยีล้ำสมัยนี้ช่วยให้สามารถเคลือบชั้นบางๆ แต่ทนทานอย่างน่าทึ่งบนพื้นผิวโลหะต่างๆ เช่น เครื่องประดับ ตัวเรือนนาฬิกาหรูและส่วนประกอบอื่นๆ ด้วยการควบแน่นอะตอมหรือโมเลกุลจากก๊าซหรือไอภายใต้สุญญากาศ PVD จะสร้างการเคลือบที่มีความหนาตั้งแต่ 1 ถึง 3 ไมโครเมตร

 

การเคลือบ PVD เกี่ยวข้องกับการควบแน่นของวัสดุที่ระเหยกลายเป็นไอบนพื้นผิวเครื่องประดับหรือนาฬิกา เทคนิคนี้ทำให้ชิ้นงานไม่หมองคล้ำ ซีดจาง และรอดพ้นจากรอยขีดข่วนอีกด้วย ซึ่งเป็นปัญหาทั่วไปในการตกแต่งโลหะแบบดั้งเดิม การเคลือบ PVD จะคงรูปลักษณ์และสีไว้ตามกาลเวลา สวยสดใสเสมือนใหม่ โดยไม่จำเป็นต้องขัดหรือบำรุงรักษาบ่อยครั้ง  กระบวนการนี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกัน ปกป้องโลหะที่อยู่ด้านล่างจากการสึกหรอ การเคลือบนี้ยังทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันความชื้น ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของนาฬิกาและรับประกันประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้ ความทนทานนี้ช่วยให้แน่ใจว่านาฬิกายังคงสภาพเดิมและยังคงรูปลักษณ์ที่แวววาวอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้มีอายุการใช้งานยาวนานและคงความสวยงาม

 

 

ขณะเดียวกันการเคลือบ PVD ให้ผิวสำเร็จที่เรียบเนียนและสม่ำเสมอซึ่งวิธีการแบบเดิมไม่อาจเทียบได้ ด้วยพื้นผิวคุณภาพสูงนี้ช่วยเสริมรูปลักษณ์โดยรวมของเครื่องประดับและนาฬิกาหรู และให้ความรู้สึกพรีเมียม โดยเทคนิคการเคลือบนี้มีให้เลือกหลายสี เช่น สีดำ สีทอง และสีโรสโกลด์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับผลิตภัณฑ์

 

Positive Coating บริษัทสัญชาติสวิสได้เปิดตัวเทคโนโลยีการไล่ระดับสีส่วนประกอบนาฬิกาที่โดดเด่น ซึ่งเป็นรายแรกของโลก โดย Zenith ใช้เทคนิคนี้ใน Defy 21 Felipe Pantone รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น หรือในกรณีของ Tudor Heritage Black Bay Dark ที่ตัวเรือนเหล็กเคลือบ PVD ให้รูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ลึกลับน่าค้นหา ขณะที่ Hublot เป็นที่รู้จักในด้านการออกแบบและวัสดุที่เป็นนวัตกรรม ก็ใช้การเคลือบ PVD ในนาฬิการุ่นต่างๆ เช่น คอลเลกชัน Big Bang และ Classic Fusion นาฬิกาเหล่านี้มักมีการเคลือบ PVD สีดำหรือสีซึ่งช่วยเสริมรูปลักษณ์แบบสปอร์ตและมอบความหรูหรา ส่วน Rolex แม้ว่าจะไม่ได้เคลือบ PVD ทุกรุ่น แต่บางรุ่นที่ปรับแต่งพิเศษก็มีการเคลือบ PVD โดยบริษัทต่างๆ เช่น Bamford Watch Department และ Project X นำเสนอนาฬิกา Rolex แบบสั่งทำพิเศษพร้อมการเคลือบ PVD ทำให้นาฬิการุ่นคลาสสิกอย่าง Submariner และ Daytona มีรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์และทันสมัย ขณะที่ TAG Heuer ผสมผสานการเคลือบ PVD ในคอลเลกชันต่างๆ มากมาย เช่น  Carrera และ Monaco นาฬิการุ่นเหล่านี้ได้รับประโยชน์จากการเคลือบที่ทนทานต่อรอยขีดข่วนและเงางามจากกระบวนการ PVD เช่นเดียวกับ Omega ใช้การเคลือบ PVD ในนาฬิการะดับไฮเอนด์บางรุ่น รวมถึงคอลเลกชั่น Speedmaster Dark Side of the Moon นาฬิกาเหล่านี้มีตัวเรือนเซรามิกสีดำ ผสมผสานความทนทานเข้ากับรูปลักษณ์ที่โดดเด่น

 

 

ที่สำคัญ การเคลือบ PVD เป็นกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการตกแต่งผิวโลหะแบบดั้งเดิม เพราะไม่ก่อให้เกิดของเสียที่เป็นอันตรายใดๆ  และวัสดุที่ใช้มักจะสามารถรีไซเคิลได้ ทำให้เป็นทางเลือกที่ยั่งยืนสำหรับทั้งผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

 

นอกเหนือจากการติดตามข่าวสารและเทรนด์ต่างๆ จาก Surface and Coatings Blogs แล้ว ขอเชิญมาสัมผัสกับความก้าวหน้าในด้านต่างๆ ของอุตสาหกรรมการรักษาพื้นผิว สี และสารเคลือบผิว จากผู้ผลิตและผู้จำหน่ายทั่วโลกกว่า 130 แบรนด์ รวมถึงเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์กลุ่ม Jewelry และ Luxury Watch ที่งาน “เซอร์เฟซ แอนด์ โค๊ทติ้งส์ 2024” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 มิถุนายน 2567 ณ ไบเทค บางนา พร้อมพบปะและแลกเปลี่ยนมุมมองกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ทรงคุณวุฒิจากบริษัทชั้นนำที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูลเชิงลึกต่างๆ ในเวทีสัมมนา SURFACE & COATINGS FORUM 2024

 

แหล่งอ้างอิง