19-22 มิถุนายน 2567

ส่องแนวโน้มเทคโนโลยีการชุบ พ่น และเคลือบรถยนต์ EV

 

• การออกแบบโดยรวมของ EV มีส่วนพื้นฐาน 3 ประการ ที่การเคลือบมีประโยชน์ ได้แก่  ชุดแบตเตอรี่ ส่วนประกอบการแปลงพลังงาน และระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า

 

• เทรนด์สำคัญของเทคโนโลยีนี้ ได้แก่ ความต้านทานการกัดกร่อนขั้นสูง วัสดุเคลือบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การเคลือบเพื่อจัดการความร้อน การปรับแต่งตามความต้องการและความสวยงาม การเคลือบอัจฉริยะพร้อมความสามารถในการตรวจจับ การเคลือบป้องกันการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้า และการเคลือบเรืองแสงเพื่อป้องกันอัคคีภัย

 

 

ชวนเจาะลึกเทรนด์ล้ำสมัยที่กำลังกำหนดทิศทางของการชุบ การพ่น และการเคลือบสำหรับรถยนต์ EV ในปี 2567

 

1. ความต้านทานการกัดกร่อนขั้นสูง อลูมิเนียม เหล็กความแข็งแรงสูง และไทเทเนียมถูกนำมาใช้ใน EV และพื้นผิวที่ทำจากวัสดุเหล่านี้มักต้องมีการเคลือบเพื่อปรับปรุงการป้องกันการกัดกร่อนและการยึดเกาะสำหรับสีหรือเคลือบผง ซึ่งหนึ่งในความท้าทายหลักที่รถยนต์ไฟฟ้าต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่มีสภาพอากาศเลวร้ายหรือการสัมผัสเกลือสูง ก็คือการกัดกร่อน ดังนั้นจึงมีการพัฒนาสารเคลือบป้องกันการกัดกร่อนขั้นสูงที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ผลิตใช้ประโยชน์จากนาโนเทคโนโลยีและสูตรโลหะผสมที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างสารเคลือบที่ไม่เพียงแต่ปกป้องตัวถังรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงส่วนประกอบที่สำคัญ เช่นแบตเตอรี่และขั้วต่อไฟฟ้า เนื่องจากความชื้น สารเคมี และอันตรายอื่น ๆ  อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ แนวโน้มนี้ทำให้รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุยืนยาวขึ้น ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความยั่งยืนโดยรวม

 

ขณะที่การเคลือบเซรามิกทำหน้าที่เป็นเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง ปกป้องพื้นผิวรถจากอันตรายจากรังสียูวี การออกซิเดชั่น และสภาพอากาศที่รุนแรง ช่วยรักษารูปลักษณ์ของรถและช่วยให้สีรถมีอายุการใช้งานยาวนาน ทั้งยังสร้างเกราะป้องกันที่ช่วยลดสิ่งสกปรก ทำให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะดูสะอาดตา

 

ตัวอย่างที่น่าสนใจของเทคโนโลยีการเคลือบต้านทานการกัดกร่อนขั้นสูงคือ การชุบพื้นผิว TENDUR ของ TE Connectivity ที่พัฒนาเทคโนโลยีการชุบพื้นผิวสำหรับช่องชาร์จ EV ซึ่งใช้ส่วนผสมของเงินและกราไฟท์เพื่อให้การนำไฟฟ้าที่แข็งแกร่งและความต้านทานต่อการเสียดสี ช่วยให้สามารถชาร์จประสิทธิภาพสูงได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ล่าสุดนักวิจัยจาก Berkeley Lab ในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เปิดตัวการเคลือบโพลีเมอร์ใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและวงจรชีวิตของแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับ EV

 

 

2. วัสดุเคลือบเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกสำหรับความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ อุตสาหกรรมการชุบ การพ่น และการเคลือบสำหรับ EV จึงเปลี่ยนไปสู่วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเคลือบสูตรน้ำและปราศจากตัวทำละลายกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเคลือบแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ วัสดุชีวภาพและวัสดุหมุนเวียนกำลังถูกสำรวจเพื่อเป็นทางเลือกแทนการเคลือบแบบเดิม ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรม EV ที่มีต่อความยั่งยืน

 

3. การเคลือบเพื่อจัดการความร้อน หมายถึง วัสดุพิเศษหรือการเคลือบที่ใช้กับส่วนประกอบต่าง ๆ ใน EV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเชิงความร้อน มีบทบาทสำคัญในการจัดการความร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานของ EV เนื่องจากการจัดการความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประสิทธิภาพโดยรวม ความปลอดภัย และอายุการใช้งานที่ยาวนานของส่วนประกอบของ EV เพราะในรถยนต์ไฟฟ้า ส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะแบตเตอรี่ทำงานไร้ประสิทธิภาพที่สภาวะสุดขั้ว ไม่ว่าจะร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป การจัดการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าส่วนประกอบเหล่านี้ทำงานภายในช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด ป้องกันการสะสมความร้อนมากเกินไป หากอุณหภูมิสูงเกินไป อาจส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง สึกหรอเร็วขึ้น และในกรณีที่รุนแรง อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หรือแม้แต่ทำให้เกิดความเสียหายถาวรได้

 

4. การปรับแต่งตามความต้องการและความสวยงาม เมื่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโต ผู้บริโภคจึงมองหาทางเลือกที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความสวยงามที่ทำให้น่าพึงพอใจมากขึ้น เทคโนโลยีการชุบและการเคลือบกำลังพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ทำให้สามารถปรับแต่งสีและเคลือบได้หลากหลาย การเคลือบนาโนและการเคลือบเอฟเฟกต์พิเศษ ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์มีเครื่องมือในการสร้างสรรค์การออกแบบที่โดดเด่น สะดุดตา ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความน่าดึงดูดใจให้กับ EV เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความแตกต่างของแบรนด์ในตลาดที่มีการแข่งขันสูงอีกด้วย

 

5. การเคลือบอัจฉริยะพร้อมความสามารถในการตรวจจับความผิดปกติ ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวม รวมถึง EV ได้เปลี่ยนไปสู่การขับขี่แบบอัตโนมัติและยานพาหนะที่เชื่อมต่อถึงกัน  บทบาทของการเคลือบอัจฉริยะก็ได้รับความโดดเด่น ในปี 2567 นี้ เราจะได้เห็นการบูรณาการเซ็นเซอร์และการเคลือบอัจฉริยะที่มีฟังก์ชันการทำงานที่นอกเหนือไปจากการปกป้องและความสวยงาม การเคลือบเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับพารามิเตอร์ต่าง ๆ เช่น อุณหภูมิ ความดัน และการตรวจจับความเสียหาย นอกจากนี้ การคลือบอัจฉริยะกำลังได้รับการพัฒนาเพื่อรองรับเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับ เช่น สีจราจรที่สามารถสื่อสารกับ EV และเม็ดสีโฟโตนิกที่สามารถนำทางยานยนต์ไร้คนขับ รวมถึงการเคลือบที่สามารถโต้ตอบกับป้ายจราจรและปรับปรุงการจดจำวัตถุกำลังได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของยานพาหนะที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แนวโน้มนี้สอดคล้องกับแนวคิดที่น่าทึ่งของยานพาหนะอัจฉริยะที่ตรวจสอบตัวเองได้ และตอกย้ำความมุ่งมั่นของอุตสาหกรรมในการพัฒนาขีดความสามารถของ EV

 

6. การเคลือบป้องกัน EMI การเคลือบนี้ใช้เพื่อปกป้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อนใน EV จากการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) ซึ่งอาจทำให้เกิดการทำงานผิดปกติในการขับขี่ได้ การป้องกัน EMI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งก่อให้เกิดความร้อนในปริมาณมากและอาจไวต่อ EMI ได้ โดยจะช่วยปกป้องแบตเตอรี่และวงจรจาก EMI ปรับปรุงประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยืนยาว โดยสารเคลือบป้องกัน EMI สามารถทำจากวัสดุหลายชนิด อาทิ หมึกโลหะ ประกอบด้วยโลหะผสมทองแดง นิกเกิล หรือโครเมียม หมึกเหล่านี้สามารถพ่นลงบนพื้นผิวเพื่อสร้างเอฟเฟกต์ป้องกัน, อะคริลิกเติมนิกเกิล ให้การป้องกัน EMI ที่คุ้มค่าสำหรับชิ้นส่วนพลาสติกหรือกล่ออิเล็กทรอนิกส์และโพลีเอสเตอร์ผสมเงิน ให้การป้องกัน EMI ที่ยอดเยี่ยมด้วยความหนาของฟิล์มแห้งที่บางมาก เป็นต้น

 

 

7. การเคลือบเรืองแสงเพื่อป้องกันอัคคีภัย ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในกรณีที่เกิดเพลิงไหม้ ช่วยให้ผู้เผชิญเหตุฉุกเฉินสามารถระบุและระบุตำแหน่งอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น รวมถึงช่วยลดความเสี่ยงจากไฟไหม้หรือยืดเวลาการอพยพของผู้ขับขี่และผู้โดยสารออกยานพาหนะไฟฟ้า

 

DIGITIMES Research คาดการณ์ว่ายอดขาย EV ทั่วโลกจะเกิน 18 ล้านคันในปี 2567 โดยมีอัตราการเติบโต 29.6% ต่อปี นั่นหมายความว่าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องอย่างเทคโนโลยีการชุบ พ่นและเคลือบ จะมีโอกาสเติบโตเป็นเงาตามตัว

 

เพื่อตามติดเท่าทันทุกข่าวสารที่น่าสนใจในเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับการเคลือบ การชุบ และการพ่น ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน ตลอดจนเทรนด์สำคัญอื่นๆ โปรดติดตาม "เซอร์เฟซ แอนด์ โค๊ทติ้งส์ บล็อก" อย่างต่อเนื่อง และเตรียมตัวให้พร้อมกับงานเซอร์เฟซ แอนด์ โค๊ทติ้งส์ 2024 (Surface & Coatings 2024) งานแสดงเทคโนโลยีและโซลูชั่นนานาชาติสำหรับการเตรียมผิว สี และการเคลือบผิวที่ครบครันที่สุดในอาเซียน ครั้งที่ 10  ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 19 - 22 มิถุนายน 2567 นี้ ที่ไบเทค บางนา

 

แหล่งอ้างอิง